Skip to main content

จักรวรรดิอินคา เนื้อหา อารยธรรมอินคา ประวัติศาสตร์ ดูเพิ่ม อ้างอิง แหล่งข้อมูลอื่น รายการเลือกการนำทางThe Inca Empire. Created by Katrina Namnama & Kathleen DeGuzmanเที่ยวนี้ขอเล่า-อวสานอินคา

รัฐสิ้นสภาพในทวีปอเมริกาใต้ประวัติศาสตร์อเมริกาใต้จักรวรรดิอินคารัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 15สิ้นสุดในคริสต์ศตวรรษที่ 16


อังกฤษสเปนค.ศ. 14381533ทวีปอเมริกาใต้ยุคก่อนโคลัมบัสประเทศเปรูประเทศเอกวาดอร์ประเทศโคลอมเบียประเทศโบลิเวียประเทศชิลีประเทศอาร์เจนตินาภาษาเกชัวภาษาเกชัวกุสโกกีปูเกษตรกรรมยามาอูฐดวงอาทิตย์กุสโกมันโก กาปักซาปา อินคาปาชากูตีเทือกเขาแอนดีสสหพันธรัฐมาชูปิกชูตูปัก ยูปันกีฟรันซิสโก ปีซาร์โรอวสการ์อาตาอวลปาโรคฝีดาษกาคามาร์กา










(function()var node=document.getElementById("mw-dismissablenotice-anonplace");if(node)node.outerHTML="u003Cdiv class="mw-dismissable-notice"u003Eu003Cdiv class="mw-dismissable-notice-close"u003E[u003Ca tabindex="0" role="button"u003Eปิดu003C/au003E]u003C/divu003Eu003Cdiv class="mw-dismissable-notice-body"u003Eu003Cdiv id="localNotice" lang="th" dir="ltr"u003Eu003Cp class="mw-empty-elt"u003Eu003C/pu003Eu003C/divu003Eu003C/divu003Eu003C/divu003E";());




จักรวรรดิอินคา




จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี






ไปยังการนำทาง
ไปยังการค้นหา






















































จักรวรรดิอินคา
Tawantinsuyu
ตาวันตินซูยู
จักรวรรดิ







ค.ศ. 1418–ค.ศ. 1533




จักรวรรดิอินคาขณะมีอาณาเขตกว้างขวางที่สุด


เมืองหลวง

กุสโก
(ค.ศ. 1438-1533)


ภาษา

ภาษาเกชัว (ทางการ) , ภาษาไอย์มารา, ภาษาปูกีนา, ตระกูลคากี, ภาษาโมชีกา และภาษาชนกลุ่มน้อยอีกหลายสิบภาษา

ศาสนา

ศาสนาอินคา

รัฐบาล

ราชาธิปไตย
จักรพรรดิแห่งอินคา
 - 

ค.ศ. 1438-1471
ปาชากูตี
 - ค.ศ. 1471-1493
ตูปัก ยูปังกี
 - ค.ศ. 1493-1527
อวยนา กาปัก
 - ค.ศ. 1527-1532
อวสการ์
 - ค.ศ. 1532-1533
อาตาอวลปา

ยุคประวัติศาสตร์
ก่อนโคลัมบัส
 - 
ปาชากูตีสถาปนาจักรวรรดิ

ค.ศ. 1418
 - 
สงครามระหว่างอวสการ์และอาตาอวลปา

ค.ศ. 1527-1532
 - ถูกสเปนเข้ายึดครอง

ค.ศ. 1533

พื้นที่
 - 
ค.ศ. 1438[1]
800,000 ตร.กม. (308,882 ตารางไมล์)
 - 
ค.ศ. 1527
2,000,000 ตร.กม. (772,204 ตารางไมล์)

ประชากร
 - 

ค.ศ. 1438[1]ประมาณการ
12,000,000 

     ความหนาแน่น
15 คน/ตร.กม.  (38.8 คน/ตารางไมล์)
 - 

ค.ศ. 1527 ประมาณการ
20,000,000 

     ความหนาแน่น
10 คน/ตร.กม.  (25.9 คน/ตารางไมล์)

จักรวรรดิอินคา (อังกฤษ: Inca Empire; สเปน: Imperio Incar) (ค.ศ. 1438-1533) เป็นจักรวรรดิโบราณที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ในยุคก่อนโคลัมบัส[2] จักรวรรดิอินคามีอำนาจขึ้นบริเวณที่ราบสูงของประเทศเปรูในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 ช่วงปี ค.ศ. 1438 ถึง 1533 อินคาขยายอาณาจักรโดยทั้งสันติวิธีและวิธีทางการทหาร จนสามารถปกครองดินแดนส่วนใหญ่ทางด้านตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ซึ่งในปัจจุบันคือประเทศเปรู ประเทศเอกวาดอร์ ตอนใต้ของประเทศโคลอมเบีย ภาคตะวันตกและภาคใต้ของประเทศโบลิเวีย ตอนเหนือของประเทศชิลี และบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอาร์เจนตินา ชาวอินคาเชื่อว่ากษัตริย์ของตนเป็น "บุตรของพระอาทิตย์" ภาษาราชการคือภาษาเกชัว


ชื่อของจักรวรรดิอินคาในภาษาเกชัว คือ "ตาวันตินซูยู (Tawantinsuyo)" ซึ่งมีความหมายว่าภูมิภาคทั้งสี่[3] จักรวรรดิอินคาถูกแบ่งออกเป็นสี่เขต โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองกุสโก ซึ่งเป็นทั้งศูนย์กลางการปกครอง การเมืองและการทหาร




เนื้อหา





  • 1 อารยธรรมอินคา


  • 2 ประวัติศาสตร์

    • 2.1 ราชอาณาจักรกุสโก


    • 2.2 การเปลี่ยนระบบเป็นจักรวรรดิตาวันตินซูยู


    • 2.3 การขยายอาณาเขต


    • 2.4 การเข้ายึดครองของสเปน



  • 3 ดูเพิ่ม


  • 4 อ้างอิง


  • 5 แหล่งข้อมูลอื่น




อารยธรรมอินคา


ชาวอินคาไม่มีการประดิษฐ์ตัวอักษร แต่ชาวอินคามีการบันทึกโดยใช้การผูกเชือกหลากสีเป็นปมรูปแบบต่าง ๆ ที่เรียกว่ากีปู


สังคมอินคาเป็นสังคมที่มีการแบ่งวรรณะ โดยชาวอินคาที่มีวรรณะต่ำจะต้องมีหน้าที่ทำเกษตรกรรม และต้องนำผลิตผลที่ได้ไปถวายกษัตริย์อินคา


ชาวอินคาเลี้ยงยามา (llama) ซึ่งเป็นสัตว์ในตระกูลอูฐไว้เป็นสัตว์บรรทุกสัมภาระข้ามภูเขา


ชาวอินคาเชื่อว่าดวงอาทิตย์เป็นผู้ให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ของตน และยังนับถือ ดวงจันทร์ ดาว และโลกด้วย หรือแม้แต่ภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้ ชาวอินคาก็เชื่อว่ามีเทพเจ้าประจำ



ประวัติศาสตร์



ราชอาณาจักรกุสโก


ชาวอินคาเริ่มอาศัยในบริเวณกุสโกในคริสต์ศตวรรษที่ 12 พวกเขาตั้งนครรัฐกุสโกภายใต้การนำของมันโก กาปัก ในปี 1438 พวกเขาเริ่มขยายดินแดน ตามคำสั่งของซาปา อินคา ปาชากูตี จนทำให้นครรัฐเล็ก ๆ มีอำนาจควบคุมบริเวณส่วนใหญ่ของเทือกเขาแอนดีส



การเปลี่ยนระบบเป็นจักรวรรดิตาวันตินซูยู




การขยายอาณาเขตของอินคา (1438–1527)


ปาชากูตีจัดระบบราชอาณาจักรกุสโกใหม่ให้กลายเป็นจักรวรรดิตาวันตินซูยู ซึ่งใช้ระบบสหพันธรัฐ โดยมีรัฐบาลกลางที่มีกษัตริย์เป็นประมุข และรัฐบาลท้องถิ่นสี่เขต ได้แก่ชินไชย์ซูยู (เขตเหนือ) อันตีซูยู (เขตตะวันออก) กุนตีซูยู (เขตตะวันตก) และกูยาซูยู (เขตใต้) สันนิษฐานกันว่าปาชากูตีเป็นผู้สร้างมาชูปิกชูขึ้นเป็นบ้านพักในหน้าร้อน


ปาชากูตีมักส่งสายสืบไปหาข้อมูลเกี่ยวกับระบบการปกครอง อำนาจทางการทหารและความร่ำรวยของพื้นที่ที่พระองค์ต้องการจะขยายอาณาเขต แล้วจึงส่งสารอธิบายถึงประโยชน์ของการอยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิไปยังหัวหน้าของดินแดนนั้น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ตอบรับและถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโดยสันติ บุตรของผู้นำจะถูกนำตัวเข้ามายังกุสโกเพื่อให้ศึกษาระบบบริหารของอินคาแล้วจึงส่งกลับดินแดนของตน ซึ่งระบบนี้ทำให้ดินแดนใหม่รับแนวคิดของอินคาเข้าไป



การขยายอาณาเขต


ตูปัก ยูปันกี พระราชโอรสของปาชากูตีเริ่มบุกขึ้นทางเหนือใน 1463 และขยายอำนาจต่อเมื่อขึ้นดำรงตำแหน่งกษัตริย์หลังปาชากูตี ชัยชนะที่สำคัญที่สุดของพระองค์คือการเอาชนะราชอาณาจักรชีมอร์ ซึ่งเป็นศัตรูที่สำคัญของอินคาในเขตชายฝั่งเปรู ในสมัยของตูปัก จักรวรรดิขยายไปทางเหนือถึงบริเวณที่ในปัจจุบันคือประเทศเอกวาดอร์และโคลอมเบีย อวยนา กาปักซึ่งเป็นพระราชโอรสของตูปักสามารถขยายดินแดนส่วนเล็ก ๆ บริเวณเอกวาดอร์และบางส่วนของเปรู


ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด จักรวรรดิตาวันตินซูยูครอบคลุมบริเวณเปรูและโบลิเวีย เกือบทั้งหมดของประเทศเอกวาดอร์ และดินแดนของชิลีจนถึงตอนเหนือของแม่น้ำเมาเล ซึ่งพวกอินคาโดนต่อต้านจากเผ่ามาปูเช นอกจากนี้ยังกินบริเวณไปถึงอาร์เจนตินาและโคลอมเบียอีกด้วย แต่เขตกูยาซูยูทางใต้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้



การเข้ายึดครองของสเปน


กลุ่มนักสำรวจดินแดนชาวสเปนนำโดย ฟรันซิสโก ปีซาร์โร ได้เดินทางจากปานามาเพื่อสำรวจดินแดนทางใต้และค้นพบจักรวรรดิอินคาในปี ค.ศ. 1526 พวกเขาเห็นโอกาสที่จะได้ค้นพบมหาสมบัติในดินแดนแห่งนี้ จึงกลับมาสำรวจอีกครั้งในปี ค.ศ. 1529 และเดินทางกลับไปสเปนเพื่อขอพระราชานุญาตและกำลังสนับสนุนเพื่อยึดครองดินแดนอินคา เมื่อพวกเขากลับมายังเปรูในปี ค.ศ. 1532 บ้านเมืองอินคากำลังวุ่นวายและอ่อนแอเนื่องจากสงครามแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างอวสการ์กับอาตาอวลปาเพิ่งจบลง และเกิดโรคฝีดาษที่แพร่ระบาดมาจากอเมริกากลาง นับเป็นโชคร้ายของชาวอินคาที่มีข้าศึกบุกมาในช่วงเวลานี้


ปีซาร์โรมีกำลังทหารเพียง 168 คน ปืนใหญ่ 1 กระบอก และม้า 27 ตัว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับชาวพื้นเมืองแล้ว นับว่าเขามีอาวุธและยุทธวิธีในการรบที่เหนือกว่ามาก กองทัพสเปนปะทะกับพวกอินคาที่เมืองกาคามาร์กา ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1532 และสามารถจับตัวอาตาอวลปาไว้เป็นตัวประกัน อาตาอวลปาเห็นว่าชาวสเปนสนใจทองคำและเงินมาก จึงเสนอค่าไถ่เป็นทองปริมาณมากพอที่จะเติมห้องขนาดกว้าง 4.8 เมตร ยาว 6.2 เมตร ให้สูงถึง 2.5 เมตร และเงินปริมาณสองเท่าของห้องนั้น แต่เมื่อชาวอินคาสามารถหาค่าไถ่มาได้ ปีซาร์โรกลับไม่ยอมปล่อยตัวประกันตามสัญญา ระหว่างที่อาตาอวลปาถูกกักขัง อวสการ์ถูกลอบสังหารโดยที่ชาวสเปนอ้างว่าเป็นคำสั่งของอาตาอวลปา และพวกสเปนก็ใช้เหตุนี้มาเป็นข้อกล่าวหาในการประหารอาตาอวลปาในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1533





มาชูปิกชู เมืองที่เป็นหลักฐานอารยธรรมอินคา



ดูเพิ่ม


  • ประวัติศาสตร์สเปน

  • จักรวรรดิแอซเท็ก


อ้างอิง



  • http://www.ipst.ac.th/magazine/mag131/131_57.pdf



  1. The Inca Empire. Created by Katrina Namnama & Kathleen DeGuzman


  2. Terence N. D'Altroy, The Incas, Blackwell Publishing, 2002, หน้า 2-3.


  3. ตาวันตินซูยู มาจากคำว่า "tawa" (สี่) เติมปัจจัย "-ntin" (ด้วยกันหรือรวมกัน) แล้วประสมกับคำว่า "suyu" (เขตแดนหรือแคว้น) ภูมิภาคทั้งสี่คือชินไชย์ซูยู (เขตเหนือ) อันตีซูยู (เขตตะวันออก แถบป่าดิบชื้นแอมะซอน) กุนตีซูยู (เขตตะวันตก) และกูยาซูยู (เขตใต้)




แหล่งข้อมูลอื่น


  • เที่ยวนี้ขอเล่า-อวสานอินคา






ดึงข้อมูลจาก "https://th.wikipedia.org/w/index.php?title=จักรวรรดิอินคา&oldid=8048417"










รายการเลือกการนำทาง



























(window.RLQ=window.RLQ||[]).push(function()mw.config.set("wgPageParseReport":"limitreport":"cputime":"0.240","walltime":"0.295","ppvisitednodes":"value":2105,"limit":1000000,"ppgeneratednodes":"value":0,"limit":1500000,"postexpandincludesize":"value":88245,"limit":2097152,"templateargumentsize":"value":7066,"limit":2097152,"expansiondepth":"value":9,"limit":40,"expensivefunctioncount":"value":7,"limit":500,"unstrip-depth":"value":0,"limit":20,"unstrip-size":"value":1688,"limit":5000000,"entityaccesscount":"value":0,"limit":400,"timingprofile":["100.00% 192.935 1 -total"," 64.08% 123.639 1 แม่แบบ:กล่องข้อมูล_อดีตประเทศ"," 14.91% 28.759 1 แม่แบบ:จักรวรรดิ"," 13.44% 25.936 1 แม่แบบ:รายการอ้างอิง"," 12.77% 24.633 1 แม่แบบ:Navbox"," 8.74% 16.854 2 แม่แบบ:Nbsp"," 7.69% 14.845 2 แม่แบบ:Loop"," 3.18% 6.144 2 แม่แบบ:Nowrap"," 2.36% 4.556 1 แม่แบบ:Lang-en"," 1.76% 3.390 1 แม่แบบ:จบอ้างอิง"],"scribunto":"limitreport-timeusage":"value":"0.010","limit":"10.000","limitreport-memusage":"value":785229,"limit":52428800,"cachereport":"origin":"mw1309","timestamp":"20190310191735","ttl":2592000,"transientcontent":false);mw.config.set("wgBackendResponseTime":110,"wgHostname":"mw1272"););

Popular posts from this blog

Wikipedia:Contact us Navigation menu Navigation menuLeave a Reply Cancel reply Post navigationRecent PostsRecent CommentsArchivesCategoriesMeta

Farafra Inhaltsverzeichnis Geschichte | Badr-Museum Farafra | Nationalpark Weiße Wüste (as-Sahra al-baida) | Literatur | Weblinks | Navigationsmenü27° 3′ N, 27° 58′ OCommons: Farafra

Tórshavn Kliima | Partnerstääden | Luke uk diar | Nawigatsjuun62° 1′ N, 6° 46′ W62° 1′ 0″ N, 6° 46′ 0″ WWMOTórshavn